ทำเงินจากโฟเร็กซ์ ได้อย่างไร
ในตลาดเราจะซื้อหรือขายค่าเงิน การทำการเทรดในตลาดค่าเงินนั้นง่าย วิธีการเทรดก็เหมือนกับตลาดอื่นๆ (เช่น ตลาดหุ้น) ดังนั้นถ้าเรามีประสบการณ์ในการเทรดตลาดอื่นมาก่อนจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น
วัตถุประสงค์ของการเทรด forex เพื่อที่จะทำการแลกเปลี่ยนค่าเงิน เพราะคาดหวังว่าราคาจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่คาดหวัง ดังนั้นค่าเงินที่เราซื้อจะมีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าเมื่อเราขาย
ตัวอย่างของการทำกำไรจากค่าเงิน
สิ่งที่นักเทรด ทำ | EUR | USD |
เรา Buy EUR / USD ที่ราคา 1.18 มูลค่า 10,000 ยูโร | +10,000 | -11,800* |
สองสัปดาห์ต่อมา เราแลกเงินยูโรกลับมาเป็นเงินดอลล่าร์ ที่ราคา 1.2500 | -10,000 | +12,500** |
เราได้กำไร $700 | 0 | +700 |
*EUR 10,000x1.18 = US$11,800 **EUR 10,000x1.25 = US $12,500
อัตราแลกเปลี่ยนเป็นค่าอัตราส่วนของค่าเงินหนึ่งต่อค่าเงินหนึ่ง เช่น USD/CHF อัตราส่วนจะบอกว่าจำนวนเงินดอลล่าร์กี่เหรียญจึงจะสามารถซื้อได้ 1 สวิสฟรังค์ หรือสวิสฟรังค์จำนวนเท่าไรที่เราจะต้องใช้ในการซื้อเงิน 1 ดอลล่าร์
วิธีอ่าน FX Quote
ค่าเงินจะวางเป็นคู่ๆเสมอ เช่น GBP/USD หรือ USD/JPY เหตุผลที่ค่าเงินถูกกำหนดเป็นคู่ๆ เพราะในตลาดการเงินเราจะทำการซื้อค่าเงินหนึ่งด้วยการขายอีกค่าเงินหนึ่งในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างต่อไปเป็นอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินปอนด์อังกฤษกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
GBP/USD = 1.7500
ค่าเงินตัวแรก (ก่อนเครื่องหมาย /) เรียกว่า Base Currency (ในตัวอย่างนี้คือค่าเงินปอนด์ GBP)
ค่าเงินตัวที่สอง (ทางขวาของ /) เรียกว่า Quote currency (ในตัวอย่างนี้คือค่าเงินดอลล่าร์ USD)
เมื่อเราซื้ออัตราแลกเปลี่ยนจะบอกเราว่าเราต้องจ่ายเท่าไหร่เป็นจำนวนเงิน Quote currency เพื่อที่จะซื้อ 1 หน่วยของ Base Currency ตามตัวอย่างข้างต้นเราต้องจ่าย 1.7500 ดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อจะซื้อเงินปอนด์ 1 ปอนด์
เมื่อเราขายอัตราแลกเปลี่ยนจะบอกเราว่าเราต้องได้ Quote currency กี่หน่วยในการขาย 1 หน่วยของ Base Currency
ในตัวอย่างข้างต้น เราจะได้เงิน 1.7500 ดอลล่าร์เมื่อคุณขายเงินปอนด์ 1 ปอนด์
Base Currency เป็นเกณฑ์ในการซื้อขาย ถ้าเราซื้อ EUR/USD หมายถึงว่าเรากำลังซื้อ Base Currency และเราก็ขาย Quote currency
เราจะซื้อคู่เงิน ถ้าเราคิดว่าค่าเงินที่เป็น Base Currency จะแพงขึ้นถ้าเทียบกับ Quote currency
เราจะขายคู่เงิน ถ้าเราคิดว่าค่าเงินที่เป็น Base Currency จะลงเมื่อเทียบกับค่าเงินที่เป็น Quote currency
Long / Short
อันดับแรกสิ่งที่ต้องทำคือ เราต้องตัดสินใจว่าต้องการซื้อหรือขาย
ถ้าต้องการซื้อ (หมายถึงซื้อ Base Currency หรือขาย Quote currency) หากต้องการให้ค่าเงินที่เป็น Base Currency มีมูลค่ามากขึ้นก็ต้องขายมันที่ราคาสูงกว่าที่เราซื้อ และสำหรับนักเทรดเรียกว่า Long หรือ Long position ซึ่งก็เท่ากับ Buy นั่นเอง
ถ้าต้องการขาย (หมายถึงขาย Base Currency หรือซื้อ Quote currency) หากต้องการซื้อค่าเงินที่เป็น Base Currency คืนในราคาที่ต่ำกว่า การทำแบบนี้เรียกว่า Short position หรือ Short ก็คือการ Sell นั่นเอง
Bid / Ask Spread
ทุกๆคู่เงินมีราคาอยู่สองราคา คือราคา bid และราคา Ask ราคา Bid จะต่ำกว่าราคา Ask เสมอ
Bid เป็นราคาซึ่งโบรกเกอร์จะซื้อราคา Base Currency เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนกับค่าเงิน Quote currency ซึ่งนั่นหมายถึงนักเทรดจะขายหรือ sell ได้
Ask เป็นราคาซึ่งโบรกเกอร์จะขายราคา base currency เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนกับค่าเงิน quote currency ซึ่งหมายถึง Ask เป็นราคาที่เราจะซื้อหรือ buy ได้นั่นเอง
ความแตกต่างระหว่าง Bid กับ Ask เรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า Spread (สเปรด)
ลองดูที่ตัวอย่างของราคาที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอโปรแกรมเทรด
นี่คือคู่เงิน GBP/USD ราคา Bid 1.7445 และราคา ask เท่ากับ 1.7449 นี่เป็นสิ่งที่โบรกเกอร์มีเพื่ออำนวยความสะดวกให้เรา ถ้าเราต้องการ sell GBP ก็เพียงคลิก "Sell" ที่ราคา 1.7445 ถ้าต้องการซื้อ GBP คุณก็คลิก " Buy" จะได้ราคาที่ 1.7449
ตามตัวอย่าง
เราใช้การวิเคราะห์พื้นฐานในการช่วยตัดสินใจว่าจะซื้อหรือขายคู่เงินนั้นๆ ยังมีข้อมูลให้ต้องศึกษาต่อไป สำหรับตอนนี้ แค่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนก็พอ
EUR/USD
ตามตัวอย่างนี้เงินยูโรเป็น base currency และใช้เป็นเกณฑ์ในการซื้อขาย
ถ้าคุณเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข่าวร้ายอย่างหนึ่งสำหรับค่าเงินดอลล่าร์ คุณก็จะต้องส่งคำสั่ง BUY ค่าเงิน EUR/USD หมายความว่าคุณซื้อเงินยูโร ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลล่าร์
ถ้าคุณเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯนั้นแข็งแกร่งและค่าเงินยูโรจะอ่อนแอเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ คุณต้องส่งคำสั่ง Sell EUR/USD นั่นคือคุณคาดว่าค่าเงินยูโรจะร่วงลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
USD/JPY
ตัวอย่างนี้คือค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็น base currency และใช้เป็นเกณฑ์ในการซื้อขาย
ถ้าคุณคิดว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะทำให้ค่าเงินเยนตกต่ำเพื่อจะกระตุ้นอุตสาหกรรมส่งออก คุณต้องส่ง order Buy USD/JPY นั่นหมายถึงคุณซื้อเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เพราะคาดว่ามันจะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเงินญี่ปุ่น
ถ้าคุณเชื่อว่านักลงทุนญี่ปุ่นกำลังดึงเงินออกจากตลาดการเงินสหรัฐฯและแลกเงินดอลล่าร์สหรัฐฯทั้งหมดที่เขามีในมือกลับมาเป็นเงินเยน ซึ่งจะทำให้เงินดอลล่าร์สหรัฐฯได้รับความเสียหาย คุณต้องส่งคำสั่ง Sell USD/JPY โดยการทำแบบนี้หมายความว่า คุณคิดว่าค่าเงินสหรัฐฯมีการอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน
GBP/USD
ตามตัวอย่างนี้เงินปอนด์เป็น base currency และใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดการซื้อหรือขายคู่เงิน
ถ้าคุณคิดว่าเศรษฐกิจของอังกฤษจะยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ คุณต้องส่งคำสั่ง BUY GBP/USD นั่นคือคุณต้องการซื้อเงินปอนด์ เพราะคิดว่ามันจะขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
ถ้าคุณคิดว่าเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษจะชะงักขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง คุณก็ต้องส่งคำสั่ง Sell GBP/USD หมายความว่าคุณต้องขายเงินปอนด์เพราะว่าคุณคิดว่าราคามันจะลดลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ
USD/CHF
ตัวอย่างนี้ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯเป็น base currency และจะใช้เป็นเกณฑ์ในการซื้อขาย
ถ้าคุณคิดว่าสวิสฯฟรังค์ราคาเกินมูลค่าจริงกว่าที่เป็น คุณต้องส่งคำสั่ง BUY USD/CHF โดยคุณซื้อเงินดอลล่าร์ เพราะคุณคิดว่าเงินดอลล่าร์จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสวิสฯฟรังค์ ณ.ราคาปัจจุบัน
ถ้าคุณเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตกซึ่งกระทบกับกับการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในภายภาคหน้าซึ่งจะทำให้เงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง คุณต้องส่งคำสั่ง Sell USD/CHF เพราะว่าคุณคิดว่าดอลล่าร์จะลดค่าลงเมื่อเทียบกับสวิสฯฟรังค์จากราคาปัจจุบัน
หากค่าเงินมูลค่า 10,000 ยูโรเราจะเทรดได้หรือไม่?
เทรดได้ เพราะเราสามารถใช้ margin ได้
คำว่า Margin หมายถึงการเทรดโดยการยืมเงินจากโบรกเกอร์นั่นเอง ด้วยเหตุนี้คุณสามารถเปิด position มูลค่า 100,000 เหรียญหรือ 10,000 เหรียญโดยเงินเพียง 50 เหรียญหรือ 1,000 เหรียญเท่านั้น คุณสามารถถือครอง position ขนาดใหญ่ด้วยเงินเพียงน้อยนิดและต้นทุนไม่มากนัก
การเทรดแบบใช้มาร์จิ้นในตลาดค่าเงินนี้เราเรียกว่า Lots ซึ่งเราจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดต่อไป สำหรับตอนนี้ให้คิดแค่ว่าคำว่า lot คือปริมาณค่าเงินอย่างต่ำที่คุณสามารถซื้อได้ก็พอ เช่น :
เมื่อคุณไปร้านขายของชำและอยากซื้อไข่คุณไม่สามารถที่จะซื้อไข่เพียงใบเดียวได้ เพราะมันขายเป็นแผงหรือเราเรียกได้ว่า 1 lot ก็ได้ ในบัญชี Mini 1 lot มูลค่าเท่ากับ 10,000 เหรียญและในบัญชี standard นั้นมูลค่า 100,000 เหรียญ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณเปิดบัญชีประเภทไหนหรือโบรกเกอร์ไหน อีกที
ตัวอย่าง
- คุณคิดว่าสัญญาณทางเทคนิคที่คุณใช้บอกว่า ค่าเงินปอนด์จะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์
- คุณจะเปิด position 1 lot ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับ 100,000 คุณอยากซื้อเงินปอนด์ที่ 1 เปอร์เซ็นต์ของมาร์จิ้นและรอให้ค่าเงินมันแข็งค่าขึ้น เมื่อคุณซื้อ GBP/USD 1 ลอท (100,000) ที่ราคา 1.5000 คุณกำลัง Buy 100,000 ปอนด์ซึ่งมีมูลค่า 150,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (เงินปอนด์ 100,000 หน่วย x 1.50(อัตราแลกเปลี่ยนต่อเงินดอลล่าร์) ถ้ามาร์จิ้นที่ต้องใช้เท่ากับ 1% คุณต้องมีเงินเท่ากับ 1,500 เหรียญอย่างน้อยในบัญชีของคุณ(150,000 เหรียญ X 1%) ตอนนี้คุณถือครอง position เงินปอนด์มูลค่า 100,000 ปอนด์ซึ่งใช้เงินเพียงแค่ 1,500 เหรียญ ถ้าค่าเงินมันขึ้นไปอย่างที่คุณคิดและคุณอยากจะซื้อ
- คุณจะปิด position ที่ราคา 1.5050 คุณจะได้ 50 pip หรือราวๆ 500 เหรียญ (Pip (ปิ๊บ) คือจำนวนน้อยที่สุดที่ค่าเงินเคลื่อนไหวหรือ 1 จุดนั่นเอง)
การตัดสินใจของคุณ
|
GBP
|
USD
|
คุณซื้อเงินปอนด์มูลค่า 100,000 ในคู่เงิน GBP/USD ที่ราคา 1.5000
|
+100,000
|
-150,000
|
หลังจากคุณซื้อได้ซักครู่มันวิ่งไป 50 จุดที่ราคา 1.5050 คุณเลยอยากจะขาย
|
-100,000
|
+150,500**
|
คุณได้กำไร 500 เหรียญ
|
0
|
+500
|
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะปิด position กำไรขาดทุนก็จะถูกคำนวณและมันก็จะเอาไปรวมกับบัญชีของคุณที่คุณเปิด เรื่องมาร์จิ้นมีรายละเอียดกว่านี้ ตอนนี้คุณคงพอเข้าใจความหมายของมาร์จิ้นบ้างแล้ว
Rollover
เรื่องนี้เกี่ยวกับ order ที่เปิดข้ามคืนจนถึงเวลา "Cut-off time" ปกติประมาณตี 4-5 บ้านเรา จะมีดอกเบี้ยเกิดขึ้น ซึ่งนักเทรดจะได้หรือจะเสียเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนมาร์จิ้นที่คุณถืออยู่ในตลาด ถ้าคุณไม่ต้องการดอกเบี้ยนี้คุณก็ต้องปิดคำสั่งของคุณ ก่อนจะถึงเวลาตี 4
เมื่อทุกๆการเทรดค่าเงินนั้นเกี่ยวพันกับการยืมเงิน จากค่าเงินค่าหนึ่งแล้วนำไปซื้อค่าเงินอีกค่าหนึ่ง ดอกเบี้ยนี้ก็จะถูกชาร์จเข้าไปในการเทรด forex ดอกเบี้ยจะถูกจ่ายให้กับค่าเงินที่ถูกยืมและได้รับดอกเบี้ยจากค่าเงินที่ถูกซื้อ
ถ้าเทรดเดอร์กำลังซื้อค่าเงินค่าเงินหนึ่งที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยที่เราต้องเสียให้กับคนที่เรายืมมา จะทำให้ดอกเบี้ยมีผลเป็นบวก (ตัวอย่างเช่น USD/JPY) และเทรดเดอร์จะได้เงินค่าดอกเบี้ยส่วนต่างเข้าบัญชี คุณสามารถถามรายละเอียดของ Rollover กับโบรกเกอร์ของคุณ และจำไว้ว่าโบรกเกอร์รายย่อยส่วนมากจะปรับอัตรา Rollover ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกัน (เช่น Leverage, อัตรากู้ยืมจาก interbank) คุณอาจจะต้องตรวจสอบข้อมูลเรื่อง Rollover ให้ละเอียดทั้งด้านเครดิตและเดบิต
ถ้าคุณไม่รู้ว่าอัตราดอกเบี้ยของแต่ละค่าเงินเท่ากับเท่าไหร่ ภาพนี้จะช่วยให้คุณได้เข้าใจขึ้นบ้าง เป็นภาพของวันที่ 19 เดือนเมษายน ปี 2009
บัญชี Demo
คุณสามารถเปิดบัญชี demo ได้ฟรีแทบจะทุกโบรกเกอร์ ซึ่งบัญชีเดโมจะเหมือนบัญชีจริงทุกอย่าง
ทำไม ฟรี?
เพราะโบรกเกอร์อยากให้คุณใช้โปรแกรมการเทรดของเขาให้คล่อง และถ้าคุณเทรดได้ดีคุณก็จะตกหลุมรัก forex แล้วคุณก็จะอยากฝากเงินจริง บัญชีเดโมจะทำให้คุณเรียนรู้เกี่ยวกับตลาด Forex ได้ง่ายขึ้น และสามารถทดสอบความสามารถในการเทรดของคุณได้ โดยที่คุณไม่ต้องเสี่ยงที่จะเสียเงินเลย
คุณควรจะเทรดบัญชีเดโมอย่างน้อย 3-6 เดือน ก่อนที่คุณคิดว่าจะใส่เงินจริงลงไป
ขอย้ำอีกครั้งว่า คุณควรจะเทรดบัญชีเดโมอย่างน้อย 3 - 6เดือน ก่อนที่คุณคิดจะใส่บัญชีเงินจริงของคุณลงไป (ถ้าเป็นไปได้)
"อย่าเสียเงินของคุณ" ให้พูดออกมา
เอามือของคุณมาแนบกับหน้าอกแล้วก็พูดออกมา....
"ฉันจะเล่นบัญชีจริงเป็นเวลา 3-6 เดือน ก่อนที่จะเทรดเงินจริง"
แล้วเอานิ้วชี้ชี้ไปที่หัวของคุณแล้วบอกว่า...
"ฉันเป็นนักเทรดที่ฉลาดและอดทน"
โบรกเกอร์ forex ที่คนไทยใช้กันก็มีหลายเจ้าครับ เช่น
1. XM
โบรกเกอร์ XM
2. EXNESS
โบรกเกอร์ EXNESS
3. FBS
โบรกเกอร์ FBS
4. FUJIFX
โบรกเกอร์ FUJIFX
เครดิต @jubtadoo
*** ใครมีคำถาม สงสัย พูดคุยกันได้ที่ Comment ด้านล่างนะครับ ผมตอบเรื่อยๆ ครับ
สนใจสมัครเทรด ทำเงิน เลือกโบรกเกอร์ที่คนไทยสมัครเทรดได้เลยครับ
( ฝากเงินผ่านตัวกลาง )
Get link E-Wallet WebMoney
"โชคดีสร้างและส่งต่อกันได้ เราทำให้คุณโชคดีได้"
แบ่งปันสุดหัวใจ ขอให้คุณโชคดี
ประวิทย์ นิ่มวงศ์
คุณต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลหรือธุรกิจโดยไม่มีความเครียดและได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็วหรือไม่? ถ้าใช่ติดต่อเราวันนี้เพราะเรากำลังเสนอสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ยอดเยี่ยม เงินกู้ของเรามีความปลอดภัยและปลอดภัยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการสมัครโปรดตอบกลับอีเมลนี้ (georgeanderson.loanfirm255@gmail.com)
ตอบลบข้อเสนอเงินกู้.